พระครูบัว โชติญาโณ (บัว แย้มกลัด) เกิดที่บ้านไผ่ขวาง หมู่ที่ ๑๐ ต.ประศุก
อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อเดือนพฤศจิกายน พ.ศ.๒๔๔๐ ตรงกับปีจอ เป็นบุตรคน
ที่ ๒ ของนายพุฒ นางนิ่ม แย้มกลัด มีพี่น้องร่วมบิดามารดาเดียวกัน ๖ คน
นับตามลำดับดังนี้
๑.นางสาหร่าย แย้มกลัด (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๒.พระครูบัว โชติญาโณ (บัว แย้มกลัด)
๓.พระเอม สทฺธาสมฺปณฺโณ (เอม แย้มกลัด)
๔.นายจำเริญ แย้มกลัด (ถึงแก่กรรมแล้ว)
๕.พระครูเมธีวรศาสน์ (สังวาลย์ แย้มกลัด)
๖.นายป่วน แย้มกลัด (ถึงแก่กรรมแล้ว)
พระครูบัวได้เข้าศึกษาที่สำนักเรียนวัดปลาไหล(ในขณะนั้นยังไม่มีโรงเรียน) พออ่านออกเขียน
ได้ก็ได้ออกจากสำนักเรียนไปช่วยบิดามารดาประกอบอาชีพด้วยความมานะ อุตสาหะ สุจริตตลอด
มาจนอายุได้ ๒๒ ปี พ.ศ. ๒๔๖๔ ถูกเกณฑ์ให้เข้ารับราชการทหารสังกัดกองทหารสัมภาระ
ของกรมเกียกกายทหารบกบางซื่อ พระนคร รับราชการทหารอยู่นานถึง ๒ ปี
ในขณะที่รับราชการทหารอยู่ในระเบียบวินัยของทหารอย่างเคร่งครัด จนได้รับยกย่องให้เป็น
ตัวอย่างแก่ทหารอื่นๆเป็นที่รักใคร่ของผู้บังคับบัญชาทุกคน พ.ศ. ๒๔๖๖ ออกจากราชการทหารแล้ว
ได้ทำการอุปสมบทเป็นพระภิกษุ ณ วัดแจ้ง ต.ท่างาม อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี เมื่อวันที่ ๖ กรกฎาคม
พ.ศ.๒๔๖๖ เวลา ๑๔.๕๗ น. โดยมีท่านพระครูสิงหราชมุณี เป็นพระอุปัชฌายะ พระอธิการอินทร์
และพระวินัยธรเขียว เป็นพระกรรมวาจาจารย์
เมื่อได้อุปสมบทเป็นพระภิกษุสงฆ์แล้ว ได้ไปจำพรรษาอยู่ในวัดที่จังหวัดอุทัยธานี ในขณะที่อยู่
ในจังหวัดอุทัย นอกจากจะได้ศึกษาพระธรรมวินัยแล้ว ยังได้ศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณจากอาจารย์
ผู้เชี่ยวชาญอีกด้วย จนมีความรู้ความสามารถเป็นอย่างดี อยู่เป็นเวลา ๓ ปีเศษ พ.ศ. ๒๔๖๗ ได้ย้าย
จากจังหวัดอุทัย มาจำพรรษาอยู่ที่วัดตลุก อ.สรรพยา จ.ชัยนาท เป็นเวลาประมาณ ๑ ปีเศษ พ.ศ. ๒๔๖๙
ได้ย้ายจากวัดตลุก อ.สรรยา จ.ชัยนาท มาอยู่ที่วัดปลาไหล ต.ประศุก อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี ตลอดเรื่อย
มา พ.ศ. ๒๔๘๑ ได้รับแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาส วัดปลาไหล ต.ประศุก อ.อินทร์บุรี จ.สิงห์บุรี พ.ศ. ๒๔๙๖
ได้รับแต่งตั้งเป็นพระกรรมวาจาจารย์ พ.ศ. ๒๔๙๘ ได้ทำการก่อสร้างพระอุโบสถใหม่จนเสร็จเป็นที่เรียบ
ร้อย พ.ศ. ๒๕๐๑ ได้รับประทวนสมณศักดิ์ เป็นพระครูบัว
พ.ศ. ๒๕๐๓ ได้ทำการก่อสร้างหอสวดมนต์ขึ้นใหม่ พ.ศ. ๒๕๑๐ ได้ทำการก่อสร้างอาคารเรียน
ตามแบบ ๑๐๘ ขึ้นที่โรงเรียนวัดปลาไหล ในขณะที่หลวงพ่อพระครูบัว โชติญาโณ ยังมีชีวิตอยู่ ท่าน
เป็นพระที่เคร่งต่อะรรมวินัยเป็นอย่างยิ่งยากที่จะหาพระภิหษุองค์ใดทัดเทียมได้ แลหลังที่ท่านได้ทำ
การอุปสมบทแล้วท่านมิได้ลาสิกขาบทเลย และนอกจากท่านได้รับการแต่งตั้งและทำการก่อสร้าง
ดังกล่าวแล้ว ท่านยังได้ทำการก่อสร้างและซ่อมแซมเสนาสนะในวัดอีกเป็นจำนวนมาก จนวัดปลาไหล
เป็นวัดที่เจริญรุ่งเรืองวัดหนึ่งในจังหวัดสิงห์บุรี อาทิเช่น ทำการก่อสร้างและซ่อมแซมกุฎี ศาลาการ
เปรียญ หอฉัน กำแพงรั้วหน้า และหลังวัด บ่อน้ำและอื่นๆอีกมาก
ท่านหลวงพ่อพระครูบัว โชติญาโณ ท่านเป็นพระผู้พูดน้อย แต่แน่นอน พูดจริงทำจริง และท่านยัง
มีความรู้พิเศษในทางการแพทย์แผนโบราณ สามารถช่วยเหลือชีวิตของผู้เจ็บป่วยให้รอดชีวิตมาได้นับ
เป็น ๑,๐๐๐ ราย ท่านช่วยรักษาโดยมิได้เห็นแก่ความเหนื่อยยากแต่อย่างใดและไม่คิดค่าตอบแทน
แต่อย่างใด ท่านช่วยรักษาพยาบาลให้เป็นทาน ในวัดจะเห็นว่าเต็มไปด้วยต้นยานานาชนิด
นอกจากท่านจะเป็นพระที่มีความสามารถในทางแพทย์แผนโบราณแล้ว คาถา และน้ำมนต์ของ
ท่านยังขลังชมัดสามารถปัดเป่าการเจ็บป่วยให้หายอย่างน่าอัศจรรย์ยิ่งนัก เช่นคนแขนขาหัก ท่าน
สามารถใช้น้ำมนต์ของท่านพ่น ทาและดื่มให้หายได้โดยไม่ต้องเข้าเฝือกหรือใส่ยาแต่อย่างใด และ
ยังมีคาถาอาคมเครื่องรางของขลังที่อยู่ยงคงกระพันอีกมากมาย เช่น ผ้ายันต์ ตะกรุด สาริกา พระ
เครื่องฯ จนเป็นที่เลื่องลือของประชาชนทั่วไปทั้งในจังหวัดสิงห์บุรีและจังหวัดใกล้เคียง จะเห็นได้ว่า
มีประชาชนมาหาท่านเป็นจำนวนวันละหลายสิบคนโดยมาขอ น้ำมนต์ ยารักษาโรค และเครื่องราง
ของขลังกับให้ท่านเป่าและรดน้ำมนต์บ้าง ท่านได้อยู่เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรของบรรดาศิษยานุศิษย์
และประชาชนทั่วไปเรื่อยมาจนถึงวันที่ ๑ กรกฎาคม พ.ศ.๒๕๑๐ ท่านก็ได้ล้มป่วยลงมีอาการมึน
ศีรษะคล้ายเป็นไข้หวัด
บรรดาศิษยานุศิษย์ได้ไปตามแพทย์มาทำการรักษาพยาบาลอาการของท่านก็ดีขึ้น ได้มีศิษยานุศิษย์
และท่านที่เคารพนับถือ ตลอดจนญาติมิตรมาอยู่รักษาพยาบาล และเฝ้าอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านก็พูดคุย
ด้วยดีในคืนวันที่๔ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ ท่านอยู่พูดคุยกับผู้ที่ไปเฝ้าท่านจนดึกประมาณ ๒๒.๐๐ น.
ท่านก็บอกแก่ผู้ที่เฝ้าว่าจะเข้านอน แล้วท่านก็เข้านอนหลับเงียบไป ทุกคนคิดว่าท่านหลับได้ดีท่าน
คงจะสบายดีขึ้น
จนเข้าตรู่ของวันที่ ๕ กรกฎาคม พ.ศ. ๒๕๑๐ สิ่งที่ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น ทุกคนต่างพากันตกใจและ
เสียใจอย่างยิ่ง แทนที่จะพบหลวงพ่อตื่นขึ้นพูดคุยด้วยกลับเห็นร่างของหลวงพ่อนอนนิ่งตัวแข็งอยู่ในท่า
อันสงบนิ่ง ทุกคนต่างร้องไห้เสียใจที่หลวงพ่ออันเป็นที่เคารพกราบไหว้ได้จากพวกเราไปอย่างไม่มีวันที่
จะกลับคืนมา นายแพทย์ตรวจร่างกายท่านปรากฏว่าท่านได้มรณะภาพด้วยโรคลมประมาณเวลา ๒ นาฬิกา
ของวันที่ ๕ กรกฎาคม ๒๕๑๐ คณะศิษยานุศิษย์ญาติมิตรและท่านที่เคารพนับถือได้จัดการศพของท่าน
อย่างสมเกียรติโดยจัดให้มีการสรงน้ำศพท่านถึง ๒ วัน มีศิษยานุศิษย์ญาติมิตร ท่านที่เคารพนับถือและ
ประชาชนทั่วไปมาสรงน้ำศพท่านประมาณ ๒,๐๐๐ คนเศษ และได้ตั้งศพบำเพ็ญกุศลอยู่ ๗ วัน แล้ว
เก็บศพไว้บนหอประชุมวัดปลาไหล เพื่อทำการฌาปนกิจต่อไป
รวมอายุของท่านได้ ๗๐ ปี อุปสมบทเป็นพระภิกษุ ๔๖ พรรษา
ขอบคุณ watkositaram.com
คัดลอกมาจากหนังสือปกสีฟ้า ๓๐ ปี แห่งความทรงจำ
หลวงพ่อพระครูบัว โชติญาโณ ๔-๕ กรกฎาคม ๒๕๔๐