วันที่ ๑๙ ตุลาคม ๒๕๖๐ เวลา ๑๗.๐๐ น. ณ ที่ชุมชนบางพระนอน บริเวณหน้าประตูโขง
วัดพระนอน มีประชาชนได้นำเรือมาวาง ที่หน้าประตูทางเข้าเป็นจำนวนมาก สอบถาม จาก
ชาวบ้านเรือที่นำมาจอดทิ้งไว้ โดยมาก เป็นเรือส่วนตัวยามออกจากบ้านเพื่อมา ทำงานหรือทำธุระ
หรืออีกในกรณีหนึ่ง ถ้าลูกหลานจะออกไปทำงานก็จะพายเรือมาส่งในตอนเช้าและตอนเย็น
ก็จะคอยพายเรือมารับอีกครั้งหลังเลิกงาน

ซึ่งเป็นการปรับเปลี่ยนไปตามความ จำเป็นของภาวะช่วงน้ำท่วมขัง สอบถามจากชาวบ้าน
และพระสงฆ์ ที่อยู่ ในเขตน้ำท่วม ทราบว่า น้ำจากแม่น้ำเจ้าพระ ยาช่วง ๒-๓ วัน ที่ผ่านมา เดี่ยว
ขึ้นสูง เดี่ยวลง ต่ำ แต่โดยสรุประดับความสูงของน้ำจะอยู่ที่ ประมาณ ๔๐-๕๐ เซ็นติเมตร โดยวัด
ระดับน้ำที่ถนนหน้าวัด-ตลาดชุมชนบางพระนอน

และรับทราบว่า การพายเรือนี่ค่อนข้าง รำบาก เพราะต้องใช้แรงการในพายอย่าง เต็มที่
โดยเฉพาะถ้าหากต้องพายทวนน้ำขึ้น ยิ่งเหนื่อยขึ้นไปอีกกว่าจะพายถึงฝั่งแต่ละ ครั้งเล่นเอา
หอบเหมือนกัน สำหรับรถยนต์จำนวนมากของของ ประชาชนที่น้ำท่วมขังสูง หลายคนเลือก
นำมาจอดที่ริมถนนสายอินทร์บุรี-ชัยนาท บางคนไปฝากจอดทิ้งไว้ที่บ้านญาติ หรือ มาจอด
ที่หน้า รพ.อินทร์บุรี



"สงฆ์-สามเณรวัดไผ่ดำ มอบของบริจาค แก่วัดพระนอน และชุมชนบางพระนอน" และใน
วันเดียวกันนี้ เวลา๑๗.๓๐ น. หลัง จากพระสงฆ์สามเณรและคณะครูวัดไผ่ดำ ได้ บริจาคสิ่งของ
ที่ตำบลอินทร์บุรี เสร็จแล้ว ชาว คณะจึงเดินทางมาต่อที่ตำบลทับยา ซึ่งเป็นอีกหนึ่งพื้นที่ที่ประสบ
ภัยธรรมชาติจากน้ำอย่างเต็มพิกัดและต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์

ซึ่งการมอบสิ่งของเป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยได้รับการอำนวยความสะดวก จาก
พระอาจารย์สุเมธี สิริปญฺโญ นำลูกศิษย์สามเณร ของทางวัดมาช่วยขนของบริจาค และเป็น
ผู้คอยขัดท้ายเรือไปตามบ้านเรือนต่างๆ โดยชาวบ้านที่ทราบข่าวต่างมารอรับ บริจาคกันที่หน้าบ้าน
และเดินฝ่าน้ำมาบ้าง พายเรือมารับเองบ้าง ตามแต่สะดวก และผู้ ประสบภัยต่างซาบซึ้ง ดีใจ
ที่มีผู้มามอบ สิ่งของและมาให้กำลังใจกันเรื่อยๆ สำหรับพื้นที่ตำบลทับยานี้ ทิศตะวันออก ติดกับ
แม่น้ำเจ้าพระยา ดังนั้นส่วนมากหมู่บ้าน ที่ติดริมแม่น้ำน้ำเจ้าพระยา จึงมีน้ำเข้าท่วม ขังอย่าง
เลี่ยงไม่ได้ ในปีที่มีน้ำฝนมาก และ พื้นที่ที่ประสบอุทกภัย คือ ก็เริ่มตั้งแต่หมู่ ๑
จนถึงหมู่ ๘ แต่ระดับน้ำอาจสูง-ต่ำ ตาม ระดับพื้นที่ที่ตั้งของชุมชน